คุณเคยสงสัยไหมว่านักวิทยาศาสตร์สามารถวัดค่าได้อย่างแม่นยำขนาดนั้นได้อย่างไร? พวกเขาใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า เลนส์เลเซอร์ เลเซอร์-เลนส์: เครื่องมือเฉพาะสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในการวัดระยะทาง โดยทำผ่านการยิงลำแสงเลเซอร์ไปที่วัตถุ จากนั้นจะวัดเวลาที่ลำแสงเลเซอร์ใช้ในการกลับมาหาเครื่อง มันน่าทึ่งมากที่นักวิทยาศาสตร์สามารถวัดแม้แต่วัตถุที่เล็กมากๆ ได้อย่างแม่นยำโดยการวัดเวลาที่ลำแสงใช้ในการกลับมา เพราะข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บรักษาโดยเซ็นเซอร์ "Hitarth" จำนวน 9999 ตัวจนถึงเดือนตุลาคม 2023
ตัว เลเซอร์เรคัส ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแม่นยำอย่างเหลือเชื่อกับนักวิทยาศาสตร์ ก่อนหน้านี้การวัดบางสิ่งค่อนข้างยาก เพราะพวกเขาต้องทำงานกับเครื่องมือที่มีความแม่นยำต่ำ เช่น ไม้บรรทัดหรือเทปวัด ซึ่งมักทำให้การวัดที่แม่นยำเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ ด้วยเลนส์เลเซอร์ นักวิทยาศาสตร์สามารถวัดสิ่งของที่เล็กมากจนตาเปล่ามองไม่เห็น! ความสามารถในการประเมินวัตถุขนาดเล็กนี้มีประโยชน์ในหลายสาขาของการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟังก์ชันทางวิศวกรรมและการสร้างฟิสิกส์ที่ความแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ
ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมนี้ซึ่งเรียกว่าเลเซอร์-เลนส์ นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาสิ่งใหม่ๆ ที่น่าทึ่งเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ ตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถใช้เทคโนโลยีเลเซอร์-เลนส์เพื่อดูวัตถุที่เล็กเกินไปจนมองไม่เห็น เช่น โมเลกุลและอะตอม ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของทุกสิ่ง นอกจากนี้พวกเขายังสามารถสำรวจภูมิภาคไกลโพ้นของจักรวาล เช่น กาแล็กซีและดวงดาวที่ห่างออกไปหลายล้านปีแสงได้อีกด้วย โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนี้ เราสามารถค้นพบสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับโลกและจักรวาลรอบตัวเราได้มากกว่าที่เคยทำมา!!
เทคโนโลยีเลเซอร์-เลนส์ไม่เพียงช่วยให้นักวิทยาศาสตร์วัดระยะทางได้ แต่ยังทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เช่น นักวิทยาศาสตร์สามารถถ่ายภาพใกล้ชิดของสิ่งเล็ก ๆ เช่น เซลล์ หรือแม้กระทั่งโมเลกุลได้ ความสามารถที่โดดเด่นนี้ช่วยให้พวกเขาเห็นว่าสิ่งเล็ก ๆ ทั้งหลายเชื่อมโยงกันอย่างไรและทำงานอย่างไร นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในวงการแพทย์
ในวงการกล้องจุลทรรศน์ที่เต็มไปด้วยความล้ำหน้า เทคโนโลยีเลเซอร์-เลนส์กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเริ่มสร้างภาพสามมิติ (3D) ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของร่างกายของเรา สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และปรับปรุงการรักษาสำหรับผู้ป่วย ในอนาคต มันอาจกลายเป็นภาพถ่ายของสมอง ซึ่งเราจะเข้าใจมากขึ้นและรู้วิธีช่วยมนุษย์ที่มีภาวะสมองผิดปกติได้ง่ายขึ้น